การป่วยเป็น ริดสีดวง อาหาร ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้คุณหายป่วยหรือทำให้อาการของคุณทรุดลงไปเรื่อย ๆ หรืออาจพูดได้ว่า แค่คุณปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหาร
Table of Contents
ก็จะสามารถทำให้คุณหายจากการเป็นริดสีดวงทวารได้ เปรียบเสมือนว่าอาหารเป็นยารักษาอีกขนานหนึ่ง
โรค ริดสีดวง อาหาร ควรและไม่ควร รับประทานอาหารประเภทใด
ริดสีดวง อาหาร เป็นส่วนสำคัญในการป่วยและการหายป่วยด้วยโรคริดสีดวงทวาร อย่างที่ได้กล่าวไปในข้างต้นแล้ว ดังนั้นผู้ป่วยหรือผู้ที่ไม่ต้องการป่วย จำเป็นต้องเลือกรับประทานอาหาร
โดยที่จริงแล้วอาหารที่เรารับประทานกันในปัจจุบันมีทั้งอาหารที่ช่วยป้องกันการเป็นริดสีดวงทวารหรือช่วยรักษาริดสีดวงทวารได้ และมีทั้งอาหารที่เป็นสาเหตุในการทำให้เราเป็นริดสีดวงได้ ดังนี้
- อาหารที่ควรรับประทาน คือ อาหารที่เมื่อเรารับประทานเข้าไปแล้วดีต่ออาการป่วย ในผู้ที่ยังไม่เป็นริดสีดวงทวารจะช่วยป้องกันไม่ให้เป็นโรคได้
- ผัก และ ผลไม้ ถือเป็นอาหารหลัก ในอาหาร 5 หมู่ ที่จะช่วยให้เราไม่เป็นท้องผูก เนื่องจากในผักและผลไม้มีกากใยอาหารจำนวนมาก ช่วยในการขับถ่ายได้เป็นอย่างดี
- ธัญพืช ต่าง ๆ โดยเฉพาะพืชตระกูลถั่ว จะมีไฟเบอร์สูง ช่วยในการป้องกันอาการ ท้องผูกได้เช่นกัน
- โยเกิร์ต เป็นอาหารที่มีแลคโตบาซิลลัส ช่วยในเรื่องของการกระตุ้นการขับถ่ายให้ ทำงานได้ดียิ่งขึ้น
- ของเหลว ประเภทน้ำ หรือ น้ำผักและผลไม้ คนส่วนใหญ่จะรับประทานน้ำไม่ถึง 8 แก้วต่อวัน สังเกตได้ง่าจากการที่มีผิวแห้ง คล้ำ และดวงตาเหลือง การดื่มน้ำให้เพียงพอจะทำให้อุจจาระนิ่ม การขับถ่ายเป็นไปได้ง่าย ลดการเสียดสีระหว่างก้อนอุจจาระและผนังลำไส้ใหญ่ส่วนปลายที่ติดกับทวารหนัก โดยหากผู้ป่วยสามารถดื่มน้ำผักหรือผลไม้ได้ด้วย จะยิ่งเป็นการดีมากขึ้น
- อาหารที่ไม่ควรรับประทาน คือ อาหารจำพวกที่รับประทานเข้าไปแล้วทำให้อาการป่วยแย่ลง หรือเป็นตัวเร่งทำให้ป่วยเป็นริดสีดวงทวารได้เร็วขึ้น
- เนื้อสัตว์ย่อยยาก การรับประทานอาหารจำพวกเนื้อสัตว์ แน่นอนว่าในเนื้อสัตว์ไม่ มีใยอาหารที่ช่วยในเรื่องการลดอาการท้องผูก แถมยังเป็นภาระในการย่อยอาหารในระบบย่อยอาหารที่ต้องทำงานอย่างหนัก ซึ่งหากรับประทานจำนวนมาก จะทำให้ไม่สามารถย่อยได้หมด และจับกันเป็นกากอาหารที่แข็ง ส่งผลต่อการเสียดสีระหว่างก้อนอุจจาระและเนื้อเยื่อบริเวณทวารหนัก
- กลุ่มอาหารแปรรูป อาทิเช่น ปลาร้า ปลาส้ม หอยดอง แหนม กะปิ ชีส เป็นต้น
- กลุ่มอาหารทะเล
- กลุ่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ เช่น ไวน์ เหล้า เบียร์ และเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน เช่น เครื่องดื่มชูกำลัง เป็นต้น
- อาหารที่มีรสชาติจัด เช่น เปรี้ยวจัด เผ็ดจัด จะทำให้เกิดอาการท้องร่วง ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของการเป็นริดสีดวงทวาร
เราจะเห็นได้ว่า การเป็น ริดสีดวง อาหาร มีความสำคัญมากแค่ไหน ดังได้บรรยายไว้ในหัวข้อด้านบนแล้ว เช่นนั้นแล้วก็เป็นหน้าที่ของตัวคุณเอง ที่จะเลือกรับประทานเพื่อให้ตัวเองห่างไกลโรค
โดยบางครั้งความชอบส่วนตัวกับการมีสุขภาพดีมักสะเป็นทางคู่ขนานที่ไม่สามารถบรรจบกันได้ ดังนั้นเราจึงจำเป็นต้องหักห้ามความชอบส่วนตัว แลหันกลับมารักสุขภาพตัวเองให้มากขึ้น
ริดสีดวง ข้างนอก ลักษณะและอาการของโรค
ริดสีดวง ข้างนอก หรือ ริดสีดวงภายนอก เป็นริดสีดวงทวารหนักประเภทหนึ่ง ที่เกิดจากการโป่งพองของเส้นเลือดดำบริเวณทวารหนัก จนทำให้เกิดลิ่มเลือดเกิดขึ้น โดยผู้ป่วยเมื่อเป็นริดสีดวงประเภทนี้ หากคลำบริเวณทวารหนัก
จะรู้สึกว่าบริเวณรอยย่นรอบทวารหนักจะมีติ่งเล็ก ๆ เกิดขึ้น โดยติ่งนี้จะมีลักษณะแข็งอันเนื่องมาจากการยุบลงของริดสีดวงที่ไม่สนิท โดยอาการและลักษณะของโรค ริดสีดวง ข้างนอก มีดังนี้
- มีติ่งเล็ก ๆ อยู่บริเวณรอยย่นของทวารหนัก
- จะรู้สึก เจ็บ ๆ คัน ๆ บริเวณทวารหนัก เมื่อมีการขับถ่าย หรือ เวลานั่ง เดิน หรือทำกิจวัตร ประจำวันที่ต้องใช้ก้นร่วมด้วย
- ในบางกรณี อาจจะพบเลือดปนออกมากับอุจจาระด้วย แต่พบได้น้อยรายที่ป่วยเป็นริดสีดวง ทวาร
- มีอาการวิงเวียน หน้ามืดฉับพลัน เบื่ออาหาร และท้องผูก ซึ่งพบได้บางกรณี
ริดสีดวง ข้างใน ลักษณะและอาการของโรค
ริดสีดวง ข้างใน หรือ ริดสีดวงภายใน มีลักษณะการเกิดและอาการ คล้ายกับริดสีดวงภายนอก แต่ตำแหน่งที่พบจะต่างกัน โดยริดสีดวงภายใน จะเกิดจากการที่เลือดในเส้นเลือดดำไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ที่อยู่ภายในร่างกายระดับต่ำกว่าสะตือได้ไม่สะดวก
ทำให้เกิดเลือดคั่งในเส้นเลือดดำบริเวณที่ต่อกับลำไส้ใหญ่ส่วนปลาย ซึ่งติดกับทวารหนักส่วนบน จนทำให้เส้นเลือดขยายตัวขึ้นหรือที่เรียกว่าโป่งพอง เพื่อรองรับลิ่มเลือดบริเวณนั้น
จึงมีลักษณะเป็นตุ่มเล็ก ๆ บริเวณเนื้อเยื่อของลำไส้ใหญ่ที่ต่อกับทวารหนัก โดยอาการของ ริดสีดวง ข้างใน จะพบว่ามีเลือดออกปนมากับอุจจาระทุกระยะของการป่วย โดยทางการแพทย์ แบ่งออกเป็น 4 ระยะ ดังนี้
- ระยะที่ 1 เป็นระยะที่เกิดตุ่มเล็ก ๆ ขึ้นภายในทวารหนัก ผู้ป่วยจะไม่สังเกตเห็นริดสีดวงทวารได้ในระยะนี้ เนื่องจากริดสีดวง จะไม่โผล่ออกมาภายนอกร่างกาย แต่ในการขับถ่ายจะมีเลือดปนออกมาด้วย ซึ่งหากเป็นคนช่างสังเกตก็จะเกิดข้อสงสัยได้ในระยะนี้
- ระยะที่ 2 เป็นระยะที่ ริดสีดวง ข้างใน จะสามารถโผล่ออกมานอกทวารหนักได้ หากมีการเบ่งอุจจาระ และเมื่อหยุดเบ่งหัวริดสีดวง จะสามารถหดกลับเข้าไปภายในทวารหนักได้เอง ในระยะนี้ก็เช่นเดียวกับระยะที่ 1 คือมีเลือดปนมากับอุจจาระ แต่ข้อสันนิษฐานของผู้ป่วยเกี่ยวกับว่าตนเองเป็นริดสีดวงหรือไม่นั้น จะชัดเจนมากกว่า เพราะหัวริดสีดวงสามารถโผล่ออกมานอกทวารหนักได้
คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง |
ริดสีดวง ข้างนอก |
ริดสีดวง ข้างใน |
ริดสีดวง ภายใน หายเองได้ไหม |
ริดสีดวง อาหารแสลง |
- ระยะที่ 3 นอกจากจะมีเลือดออกเหมือนกับระยะอื่น ๆ แล้ว หัวริดสีดวงยังโผล่ออกมานอกทวารหนักได้ จากการเบ่งอุจจาระ การไอหรือจามอย่างรุนแรง และจะไม่สามารถกลับเข้าไปในทวารหนักได้เอง จำเป็นต้องอาศัยนิ้วมือที่ชุบสารหล่อลื่นช่วยดันเข้าไป ในระยะนี้ริดสีดวงเริ่มมีอาการอักเสบ ผู้ป่วยบารายจึงสามารถสัมผัสได้ถึงอาการเจ็บบริเวณทวารหนัก
- ระยะที่ 4 เป็นระยะที่มีความอักเสบอย่างรุนแรง เสี่ยงต่อการติดเชื้อ และกลายเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้ ริดสีดวงเริ่มมีกลิ่นเหม็นคาว บางกรณีอาจจะพบน้ำหนองปนออกมากับอุจจาระด้วย ผู้ป่วยเริ่มควบคุมอุจจาระไม่ได้ เนื่องจากหัวริดสีดวงที่โผล่ออกมาภายนอกและไม่สามารถกลับเข้าไปด้านในทวารหนักได้นั้นจะขวางการปิด เปิด ของหูรูดทวารหนัก ในระยะนี้ผู้ป่วยบางรายจะมีอาการซีด เนื่องจากการสูญเสียเลือด ดังนั้นในการรักษาผู้ป่วยระยะนี้จำเป็นต้องให้ยาบำรุงเลือดร่วมด้วย และอาการปวดบริเวณทวารหนักของผู้ป่วยจะเริ่มรุนแรงขึ้น
เมื่อเป็น ริดสีดวง ภายใน หายเองได้ไหม จำเป็นต้องผ่าตัดไหม
จากหัวข้อด้านบน คุณผู้อ่านหลายคน คงกำลังกังวลในในการป่วยริดสีดวงทวาร โดยเฉพาะริดสีดวงภายใน เมื่อถามว่า ริดสีดวง ภายใน หายเองได้ไหม ไม่ว่าจะเป็น ริดสีดวง ข้างในหรือ ริดสีดวง ข้างนอก ก็สามารถหายเองได้ โดยไม่จำเป็นต้องทำการผ่าตัด โดยสามารถปฏิบัติตนได้ ดังนี้
- หลีกเลี่ยงกลุ่มอาหารประเภทเนื้อสัตว์ย่อยยาก
- รับประทาน ผัก ผลไม้ และ ธัญพืชอยู่เป็นประจำ
- ดื่มน้ำที่สะอาดให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย
- รับประทานโยเกิร์ต เพื่อช่วยกระตุ้นการขับถ่าย
- ออกกำลังกาย หรือทำกิจกรรมที่ได้เคลื่อนไหวร่างกาย เพื่อกระตุ้นการเผาผลาญพลังงานในร่างกาย
- หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนและแอลกอฮอล์
- รับประทานของหมักดอง อาหารทะเล และอาหารแปรรูปให้น้อยลง
- ไม่กลั้นและไม่เบ่งอุจจาระ
- ใช้การนั่นแช่น้ำอุ่นผสมดีเกลือ หรือด่างทับทิม วันละ 20 นาที หรือทุกครั้งที่เข้าห้องน้ำ เพื่อลดการอักเสบของริดสีดวง
- กินยาสมุนไพรที่ช่วยรักษาริดสีดวง แทนการเข้ารับการผ่าตัด
จากเนื้อหาด้านบน ถือว่าเป็นคำตอบของคำถามที่ว่า ริดสีดวง ภายใน หายเองได้ไหม ได้ดี เพียงแค่มีวินัยในการดูแลสุขภาพขึ้นมาอีกนิด ปรับเปลี่ยนอาหารการกินอีกหน่อย คุณก็ไม่จำเป็นต้องผ่าตัดริดสีดวงแล้ว
แต่อย่างไรก็ดี หากผู้ป่วยมีความกังวลใจก็สามารถปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้ โดยแพทย์จะแนะนำวิธีการรักษาด้วยตนเองก่อน หากอาการไม่รุนแรงแพทย์ก็จะไม่แนะนำวิธีการฉีดยา การใช้เลเซอร์ การใช้ยางรัด หรือการผ่าตัดแต่อย่างใด