อาการถ่ายเป็นเลือดนั้น ไม่จำเป็นจะต้องเป็นโรคริดสีดวงเพียงอย่างเดียว แต่หากถามว่าเป็นริดสีดวงถ่ายเป็นเพื่อนได้หรือไม่นั้น แน่นอนว่าการเป็นริดสีดวงจะสามารถถ่ายเป็นเลือดได้
ซึ่งส่วนใหญ่พบในผู้ป่วยที่ป่วยเป็นโรค ริดสีดวงภายใน แต่ก็มีบางโรคที่สามารถถ่ายเป็นเลือดได้เช่นกัน เช่น การเป็นแผลบริเวณทวารหนัก การเป็นเนื้องอกในช่องท้อง หรือกระทั่งการเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่
Table of Contents
สาเหตุของ ริดสีดวง ถ่ายเป็นเลือด
หากพูดถึงโรคริดสีดวงหลายคนเกิดความสงสัยว่าการเป็น ริดสีดวง ถ่ายเป็นเลือด เกิดจากสาเหตุอะไรและเมื่อเป็นแล้วสามารถกลับมาเป็นซ้ำได้อีกหรือไม่ แน่นนอนว่าโรคริดสีดวงทวารเป็นโรคที่สามารถกลับมาเป็นซ้ำได้อีก ขึ้นอยู่กับว่าพฤติกรรมของผู้ป่วยนั้นเป็นไปในทางทิศไหน โดยอาการถ่ายเป็นเลือดของริดสีดวงนั้นก็เกิดจากการที่เส้นเลือดดำบริเวณทวารหนักอักเสบ จากการรับประทานอาหารและการขับถ่ายที่ผิดวิธี ดังนั้นเราควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินอาหารและการขับถ่ายให้ถูกต้อง เนื่องจากทั้งสองพฤติกรรมนี้เป็นปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการเป็นริดสีดวงทวารหนักโดยตรง โดยสามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการขับถ่ายได้ เช่น
- ไม่อั้นอุจจาระบ่อยๆ และเป็นเวลานานๆ เนื่องจากจะทำให้ร่างกายดูดซึมน้ำจากอาหารที่อยู่บริเวณลำไส้ใหญ่ส่วนปลายออกไปจนหมด ส่งผลให้อุจจาระแห้งและแข็งเมื่อถึงเวลาขับถ่ายจึงเกิดการเสียดสีกับรูทวารทำให้เกิดแผลและมีอาการเจ็บ ในบางครั้งอาจมีเลือดปนออกมาร่วมด้วย และยังส่งผลจนกลายเป็นโรคท้องผูกเรื้อรังในอนาคตด้วย
- ไม่เบ่งอุจจาระบ่อยๆ ซึ่งการเบ่งอุจจาระนี้จะส่งผลให้แรงดันจากบริเวณท้องไปยังรูทวารมีมากขึ้น ทำให้เส้นเลือดบริเวณนั้นโป่งพอง และจากที่บริเวณรูทวารนั้นจะมีความบอบบางมาก หากมีการเบ่งอุจจาระบ่อยๆก็จะเกิดแผลและมีเลือดไหลออกมา
- ไม่เล่นมือถือ หลายคนคงสงสัยว่าการเล่นมือถือเกี่ยวข้องกับอะไรในการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการขับถ่าย เนื่องจากขณะที่เราขับถ่ายและมีการเล่นมือถือไปด้วยเราจะโฟกัสกับมือถือเป็นส่วนใหญ่ ทำให้ใช้เวลานานในการถ่ายอุจจาระแต่ละครั้ง ส่งผลให้ระบบขับถ่ายผิดปกติ การลำเลียงของเสียทำได้ไม่สะดวก โดยการที่เราเข้าห้องน้ำเป็นเวลานานประกอบกับการที่เราต้องออกแรงเบ่งช่วยในการอุจจาระ ก็จะส่งผลต่อเส้นเลือดดำบริเวณรูทวารโป่งพองส่งผลต่อการเกิดแผล จนทำให้เป็น ริดสีดวง ถ่ายเป็นเลือด ออกมาได้ในที่สุด
นอกจากจะต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการขับถ่ายแล้วการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเกี่ยวกับการรับประทานอาหารก็จะช่วยในการป้องกันและไม่ให้เป็นริดสีดวงซ้ำอีกได้ ดังนี้
- รับประทานผักและผลไม้ให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย เพื่อเพิ่มใยอาหารให้กับร่างกาย
- ดื่มน้ำ 6 – 8 แก้วต่อวัน จะช่วยให้มีน้ำเพียงพอต่อการทำให้กากอาหารที่ถูกเก็บไว้บริเวณลำไส้ใหญ่ส่วนปลาย เพื่อรอการการกำจัดออกในรูปของอุจจาระนั้นนิ่มพอที่จะสามารถขับออกได้ง่าย
ริดสีดวง ระยะแรก อาการของโรค
ริดสีดวง ระยะแรก คือ ระยะที่มีโป่งพองของเส้นเลือดดำบริเวณปลายสุดของลำไส้ใหญ่ ทำให้เกิดติ่งเล็กๆอยู่ในรูทวาร ในระยะนี้เราจะไม่สามารถสังเกตเห็นริดสีดวง เพราะจะไม่แสดงอาการและไม่สามารถคลำเจอได้ เนื่องมาจากริดสีดวงระยะนี้จะอยู่ภายในรูทวารหนัก และจะไม่โผล่ออกมานอกรูทวารหนัก แต่อย่างไรก็ดีจะมีเลือดปนออกมากับการขับถ่าย แต่ก็ไม่สามารถทำให้ผู้ป่วยแน่ใจว่าจะเป็นริดสีดวงทวารหรือไม่ หรืออาจจะเป็นแค่เพียงมีแผลในทวารหนัก ที่สามารถมีเลือดออกมาได้เช่นกัน การรักษาริดสีดวงระยะนี้จึงจะรักษาได้ง่ายกว่าระยะอื่นๆ โดยทั่วไปสามารถรักษาได้ เช่น
- ดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8 แก้วเป็นอย่างต่ำ เพื่อให้มีน้ำปริมาณมากเพียงพอต่อการหล่อเลี้ยงกากอาหารที่บริเวณปลายสุดของลำไส้ใหญ่ไม่ให้แข็งจนเกินไป เพื่อทำให้การขับถ่ายสามารถขับถ่ายได้สะดวกขึ้น
- การกินผักและผลไม้เป็นประจำ โดยการที่เรากินผักและผลไม้เป็นประจำนั้นจะช่วยในเรื่องของระบบขับถ่าย เนื่องจากผักและผลไม้มีใยอาหารเป็นส่วนประกอบทำให้ขับถ่ายได้สะดวกและรักษาอาการท้องผูกของผู้ป่วยได้
- การไม่อั้นอุจจาระ ซึ่งการไม่อั้นอุจจาระนั้นทำให้กากอาหารอยู่ในร่างกายของเราในระยะเวลาอันสมควรแก่การขับถ่ายออก แต่ถ้าหากมีการอั้นอุจจาระเกิดขึ้น จะทำให้อาหารอยู่ในร่างกายเป็นระยะเวลานานเกินไป และลำไส้ใหญ่จะดูดซึมน้ำและแร่ธาตุออกจากกากอาหารจนหมดทำให้กากอาหารมีลักษณะแข็ง
อาการของโรค ริดสีดวง ระยะ 2
ริดสีดวง ระยะ 2 จะเริ่มจากการที่ริดสีดวงที่มีขนาดเล็กในรูทวารหนักนั้นมีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ และเมื่อมีอาการขับถ่ายนั้นหัวริดสีดวงจะโผล่พ้นออกมาจากทวารหนัก เมื่อการขับถ่ายเสร็จสิ้นริดสีดวงจะสามารถหดตัวกลับไปอยู่ในทวารหนักได้เช่นเดิม โดยส่วนใหญ่ผู้ป่วยในระยะนี้จะมีอาการเจ็บๆคันๆบริเวณช่องท้อง และในการขับถ่ายก็จะมีเลือดปนออกมาเช่นเดียวกับระยะแรก ซึ่งวิธีการรักษาริดสีดวงระยะที่ 2 สามารถทำได้โดย
- ดื่มน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย เพื่อช่วยลดการแข็งของอุจจาระที่จะขับถ่ายออกมาบริเวณทวารหนัก ทำให้ลดการเสียดสีระหว่างก้อนอุจจาระและรูทวารเพื่อไม่ให้เกิดแผลในรูทวารหนัก
- กินผักและผลไม้เป็นประจำตัวช่วยในการขับถ่ายให้ดีขึ้น และลดอาการท้องผูก
- การรักษาโดยแพทย์ผู้ชำนาญ ซึ่งจะใช้การฉีดยา เพื่อให้หัวริดสีดวงสามารถหลุดออกได้ การใช้ยางรัดหัวริดสีดวง จะส่งผลให้ไม่มีเลือดไปหล่อเลี้ยงบริเวณหัวริดสีดวงทำให้หัวริดสีดวงฝ่อและหลุดได้เอ งซึ่งจะใช้ระยะเวลาประมาณ 1-2 วันหรือ 24 ถึง 48 ชั่วโมง
- การรักษาโดยการกินยาสมุนไพรที่ช่วยให้หัวริดสีดวงหลุดออกได้โดยไม่ต้องพึ่งการผ่าตัด และป้องกันการเป็นริดสีดวงเรื้อรัง ช่วยรักษาแผลในรูทวารหนักอันเนื่องมาจากการเป็นริดสีดวงรวมทั้งช่วยในการขับสารพิษที่เกิดจากกระบวนการต่าง ๆ ให้ออกจากร่างกายได้
คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง |
ริดสีดวง ระยะ 2 |
ริดสีดวง ระยะ 3 |
ริดสีดวง ระยะ4 |
ริดสีดวง ระยะแรก |
อาการของโรคริดสีดวง ระยะ 3
ริดสีดวงระยะ 3 จะเกิดขึ้นเมื่อหัวริดสีดวงมีขนาดใหญ่ขึ้น และเมื่อมีการขับถ่าย ไอหรือจามก็จะสามารถทำให้หัวริดสีดวงนั้นพ้นออกมาจากทวารหนัก และไม่สามารถหดกลับไปยังภายในทวารหนักได้ จำเป็นจะต้องใช้นิ้วช่วยในการดันให้ริดสีดวงสามารถกลับเข้าไปภายในทวารหนัก และการอุจจาระจะพบเลือดออกมาเช่นเดียวกับในระยะที่ 2 และระยะแรก โดยการรักษาในระยะที่ 3 นี้สามารถทำได้ ดังนี้
- การรับประทานผักและผลไม้รวมถึงน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย เพื่อช่วยในการขับถ่ายสะดวกมากยิ่งขึ้น
- การรักษาโดยวิธีเฉพาะเจาะจง เช่น การใช้ยางรัดหัวริดสีดวง การฉีดยา หรือแม้กระทั่งการเย็บติดริดสีดวงไว้ภายในร่างกาย
- การกินยาสมุนไพร เพื่อช่วยรักษาริดสีดวง ให้หัวริดสีดวงสามารถหลุดได้เองและแผลแห้งจนสามารถหายไปเอง
- หากเกิดการอักเสบหรือต้องการที่จะกำจัดหัวริดสีดวงให้ออกไปโดยเร็ว ก็สามารถทำได้โดยการใช้การผ่าตัด แต่การรักษาโดยวิธีเฉพาะเจาะจงและการผ่าตัดนั้นเมื่อทำเสร็จแล้ว จำเป็นจะต้องกินยาและรักษาแผลอันเกิดจากการนำหัวริดสีดวงออกให้หายด้วย
ริดสีดวง ระยะ4 อาการของโรค
ริดสีดวงระยะ 4 เป็นระยะของการเป็นริดสีดวงภายในที่มีอาการของโรครุนแรงที่สุด และสามารถสังเกตได้ด้วยตัวเอง โดยในระยะนี้ เช่นเดียวกับระยะที่ 3 เมื่อริดสีดวงมีขนาดใหญ่จะพ้นทวารหนักออกมาในขณะที่เรามีอาการไอ จามและการขับถ่าย
เมื่อริดสีดวงพ้นจากทวารโผล่ออกมาแล้วแม้จะไม่มีการเบ่งโดยใช้ลมในช่องท้องแล้ว หัวริดสีดวงก็จะไม่สามารถกลับไปภายในทวารหนักได้ ในระยะนี้ริดสีดวงจะมีการอักเสบรวมทั้งการมีน้ำหนองไหลออกมา ประกอบกับอุจจาระไหลออกมาปนด้วย
โดยที่เราไม่สามารถควบคุมได้ในบางครั้งจนทำให้มีการส่งกลิ่นเหม็นและสกปรกทำความสะอาดได้ลำบาก รวมทั้งผู้ป่วยอาจจะมีอาการซีดเหลืองจากการเสียเลือดเป็นเวลานาน ส่งผลให้เกิดภาวะแทรกซ้อนกับผู้ป่วยในระยะที่ 4 ได้ง่าย
วิธีการที่จะรักษาริดสีดวงระยะที่ 4 ให้หายได้ นอกจากจะทำได้โดยการดื่มน้ำ การกินผักและผลไม้ให้เพียงพอต่อความต้องการ กินยาสมุนไพรในการรักษา การรักษาโดยวิธีเฉพาะเจาะจง เช่น การฉีดยา การใช้ยางรัดหัวริดสีดวง การเย็บติดริดสีดวง แต่หากริดสีดวงมีการอักเสบและเสี่ยงต่อการติดเชื้อนั้น
แพทย์จะวินิจฉัยให้มีการผ่าตัดริดสีดวงเนื่องจากจะเป็นวิธีการที่จะนำหัวริดสีดวงออกมาได้ง่ายและรวดเร็ว จากนั้นจึงใช้วิธีการรักษาแผลริดสีดวงในภายหลัง ผู้ป่วยที่ได้รับการผ่าตัดจึงจำเป็นต้องได้รับการพักฟื้น และอาจจะมีการเจ็บแผลในระยะ 1-2 สัปดาห์แรกของการผ่าตัด
จากบทความที่กล่าวมาข้างต้น สามารถทำให้สรุปได้ว่า การที่เป็น ริดสีดวง ถ่ายเป็นเลือด นั้นเกิดจากการที่มีเส้นเลือดดำอักเสบ จนทำให้เกิดเป็นริดสีดวงทวารภายใน โดยการถ่ายเป็นเลือดของริดสีดวงภายในนี้จะเกิดขึ้นกับริดสีดวงได้ทั้ง 4 ระยะ