ริดสีดวงเป็นโรคที่มีความเกี่ยวข้องกับการอักเสบของเส้นเลือดดำ โดยริดสีดวงสามารถเกิดขึ้นกับอวัยวะได้หลายชนิด เช่นริดสีดวงตาจะเกิดขึ้นบริเวณเปลือกตา ริดสีดวงจมูกจะเกิดบริเวณเนื้อเยื่อโพรงจมูก และริดสีดวงทวารจะเกิดขึ้นบริเวณทวารหนัก
Table of Contents
โดยริดสีดวงทวารจะแบ่งออกเป็น 2 ประเภทก็ คือ ริดสีดวงภายใน และริดสีดวงภายนอก ซึ่งริดสีดวงที่มีลักษณะเป็นตุ่มแข็ง ๆ นั้นเป็นอาการหนึ่งของริดสีดวงทวารประเภทริดสีดวงภายนอก
ริดสีดวง ตุ่มแข็ง เกิดจากอะไร
ริดสีดวง ตุ่มแข็ง เป็นริดสีดวงที่เกิดจากการมีลิ่มเลือดที่ทำให้เส้นเลือดอุดตัน ส่งผลให้เกิดตุ่มแข็งเกิดขึ้น โดยเป็นอาการหนึ่งของริดสีดวงทวารประเภทริดสีดวงภายนอก ซึ่งจะเกิดขึ้นบริเวณขอบทวารหนัก ขณะขับถ่ายอาจจะทำให้ผู้ป่วยรู้สึกเจ็บบริเวณทวารหนัก หากปล่อยไว้นานอาจทำให้มีก้อนเลือดออกหรือมีเลือดไหลซึมออกมาด้วย
ในผู้ป่วยบางรายริดสีดวงภายนอกนี้อาจจะยุบลงเป็นปกติภายใน 2 สัปดาห์ แต่ในขณะที่บางรายการยุบลงของริดสีดวงนั้นจะไม่เป็นปกติ ทำให้มีผิวหนังของทวารแข็งนูนออกมาเป็นติ่ง ดังนั้นหากเราสัมผัสบริเวณติ่งนั้นจะทำให้เราพบว่าติ่งมีลักษณะแข็ง แนวทางการรักษาผู้ป่วยเป็นริดสีดวงภายนอกสามารถทำได้โดยหากริดสีดวงเป็นก้อนขนาดเล็ก ก็ไม่จำเป็นต้องเข้าทำการรักษาด้วยวิธีการผ่าตัดแต่อย่างไร
แต่หากริดสีดวงมีขนาดใหญ่ผู้ป่วยจำเป็นต้องได้รับการรักษาจากคุณหมอ โดยหากริดสีดวงไม่มีภาวะแทรกซ้อนหรือภาวะเสี่ยงที่จะเป็นอันตรายมากนักหมอจะทำการฉีดยาเข้าบริเวณทวารหนักทุก 2-4 สัปดา เพื่อให้หัวริดสีดวงสามารถยุบและหลุดออกได้ แต่ถ้าหากริดสีดวงมีขนาดใหญ่และเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนจะต้องทำการรักษาด้วยวิธีการผ่าตัดเอาก้อนเลือดที่คั่งออกให้เร็วที่สุด เพื่อป้องกันการลุกลามของโรค
หากป่วยเป็นโรค ริดสีดวง หายไหม
หากพูดถึงการป่วยเป็นโรคริดสีดวงทวารหนัก ทุกคนคงอยากจะรู้ว่าเป็น ริดสีดวง หายไหม ซึ่งการเป็นโรคริดสีดวงทวารนั้นสามารถเป็นและหายขาดได้ แต่ถ้าหากไม่ทำการดูแลรักษาสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอแล้วหละก็โรคริดสีดวงก็สามารถกลับมาเป็นได้อีกครั้ง โดยการที่เราจะทำให้ตัวเองไม่กลับมาเป็นโรคนี้อีกครั้งสามารถปฏิบัติได้ ดังนี้
- ทานอาหารที่ให้ใยอาหารสูง เพื่อรักษาอาการท้องผูก ได้แก่ กลุ่มอาหารประเภทผักและผลไม้
- ดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว เพื่อช่วยให้กากอาหารนิ่ม และสามารถขับถ่ายได้สะดวก
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพราะจะช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ดี และช่วยให้ลำไส้แข็งแรง แต่ไม่ควรออกกำลังกายจนเหนื่อยเกินไป โดยเฉพาะออกกำลังกายบริเวณหน้าท้องจะทำให้หน้าท้องเกร็ง และส่งผลให้เส้นเลือดดำโป่งพอง ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดริดสีดวงทวาร
- ไม่เบ่งอุจจาระและไม่อั้นอุจจาระเมื่อรู้สึกปวดอุจจาระ จะทำให้เกิดเป็นโรคริดสีดวงทวาร ควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมใหม่ในการขับถ่ายเพื่อลดการเกิดโรคนี้
โรค ริดสีดวง ทวานหนัก เกิดจากอะไร
หลายคนมีข้อสงสัยว่าโรค ริดสีดวง ทวานหนัก เกิดจากอะไร อะไรคือสาเหตุของโรค โรคริดสีดวงทวารหนักมีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ริดสีดวง โดยโรคนี้ส่วนใหญ่เกิดจากสาเหตุที่เกี่ยวกับเส้นเลือดดำมีการอักเสบและโป่งพอง เส้นเลือดดำที่กล่าวมานี้จะเป็นเส้นเลือดดำที่อยู่บริเวณทวารหนักโดยตรง
เมื่อเส้นเลือดโป่งพองก็จะเกิดอาการการคั่งของเลือด ทำให้บริเวณนั้นมีลักษณะเป็นตุ่มหรือเป็นติ่งเกิดขึ้นได้ริดสีดวงทวารสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ตามตำแหน่งการเกิด ก็คือดวงทวารภายนอก และริดสีดวงทวารภายใน ซึ่งแต่ละประเภทก็จะมีลักษณะและอาการที่แตกต่างกันออกไป
คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง |
ริดสีดวง ทวานหนัก เกิดจากอะไร |
ริดสีดวง ภายนอก |
ริดสีดวง ภายใน อาการ |
ริดสีดวง หายไหม |
ริดสีดวง ภายใน อาการ ของโรค
โดยทั่วไปแล้ว ริดสีดวง ภายใน อาการ ของโรคนี้จะไม่แสดงออกมาในทันทีทันใด โดยการเป็นริดสีดวงจะสามารถใช้เวลานานนับ 10 ปี กว่าโรกจะสามารถแสดงอาการออกมา ซึ่งริดสีดวงภายในนี้เกิดจากการที่ลำไส้ใหญ่ส่วนปลายโป่งพองของเส้นเลือดดำ ทำให้มีการคั่งของเลือดเกิดเป็นตุ่มเล็ก ๆ ขึ้น
เนื่องจากบริเวณลำไส้ใหญ่ส่วนปลายที่ต่อกับทวารหนักนี้มีความบอบบางมาก ดังนั้นการอักเสบของเส้นเลือดดำจึงเป็นไปได้ง่าย โดยอาการของโรคริดสีดวงภายในนี้จะแบ่งระยะความรุนแรงออกเป็น 4 ระยะ ซึ่งแต่ละระยะก็จะมีลักษณะและอาการของโรคที่แตกต่างกันออกไป
ริดสีดวงระยะที่ 1 ในระยะนี้จะเป็นระยะที่เส้นเลือดดำเริ่มมีโป่งพอง เกิดเป็นตุ่มเล็กๆขึ้นในขณะที่มีการขับถ่ายอุจจาระจะมีเลือดปนออกมาหาก ผู้ป่วยมีอาการท้องผูกร่วมด้วยเลือดที่ไหลออกมาจะมีปริมาณเพิ่มมากขึ้น
ริดสีดวงระยะที่ 2 ในการเป็นริดสีดวงระยะที่ 2 นี้ อาการของผู้ป่วยจะเห็นได้ชัดกว่าระยะแรกเนื่องจากหัวริดสีดวงมีขนาดใหญ่ขึ้น ในขณะที่มีการขับถ่ายจะทำให้หัวริดสีดวงซึ่งมีขนาดใหญ่ขึ้นนั้นโผล่พ้นทวารหนักออกมา และเมื่อการขับถ่ายเสร็จสิ้นไม่มีการแบ่งโดยใช้ลมในช่องท้องแล้ว หัวริดสีดวงก็จะสามารถกลับไปอยู่ในทวารได้เหมือนเดิม ในการขับถ่ายแต่ละครั้งก็จะมีเลือดปนออกมาเช่นเดียวกัน
ริดสีดวงระยะที่ 3 ในระยะนี้อาการของโรคจะเริ่มเห็นได้ชัดเจนขึ้น เพราะริดสีดวงระยะนี้จะใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ จนไม่สามารถกลับเข้าไปในตำแหน่งเดิมได้ ดังนั้นหากมีอาการไอ จาม หรือถ่ายอุจจาระหัวริดสีดวงจะโผล่พ้นทวารหนักออกมาได้ และจะไม่สามารถโหดกับเข้าไปยังตำแหน่งเดิมได้ หากต้องการที่จะนำริดสีดวงกลับเข้าไปภายในร่างกายนั้น ผู้ป่วยจำเป็นจะต้องสวมถุงมือและใช้สบู่หรือเจลหล่อลื่นในการดันให้หัวริดสีดวงกลับเข้าไปด้านใน และเช่นเดียวกับระยะที่ 2 และระยะที่ 1 คือเมื่อมีการขับถ่ายจะมีเลือดปนออกมาด้วยเสมอ
ริดสีดวงระยะที่ 4 การป่วยเป็นริดสีดวงในระยะนี้ผู้ป่วยจะสามารถสังเกตได้ว่าตัวเองเป็นริดสีดวง เนื่องจากว่าริดสีดวงที่ไม่สามารถกลับเข้าไปยังตำแหน่งเดิมได้ จึงทำให้ผู้ป่วยสามารถจะจับหรือคลำพบขณะทำความสะอาดร่างกาย ในระยะที่ 4 จะมีอาการบวม ปวด และอักเสบของริดสีดวงมากยิ่งขึ้น เวลาขับถ่ายจะมีเลือดปนออกมา และบางกรณีจะมีน้ำหนองไหลปนกับเลือดและอุจจาระออกมาด้วย ในเวลาที่ปกติผู้ป่วยบางรายจะไม่สามารถควบคุมการไหลของอุจจาระได้ จึงทำให้ทวารหนักเปียกชื้นอยู่ตลอดเวลาและยากต่อการทำความสะอาด เมื่อปล่อยไว้ไม่มีการรักษาจะทำให้ผู้ป่วยมีภาวะแทรกซ้อนและอาจถึงแก่ชีวิตได้ รวมทั้งการเสียเลือดเป็นเวลานานจากการที่เลือดปนออกมากับอุจจาระนั้นจะทำให้ผู้ป่วยมีอาการซีดเหลืองและหน้ามืดฉับพลัน
ริดสีดวง ภายนอก กับอาการของโรค
ริดสีดวง ภายนอก จะเกิดขึ้นจากการที่เส้นเลือดดำบริเวณทวารหนักอักเสบ และโป่งพองโดยมีเลือดคั่งจนเป็นลิ่มเลือดที่ถูกห่อหุ้มไว้กับกับผิวหนังอีกชั้นหนึ่ง แต่ริดสีดวงประเภทนี้จะเป็นติ่งเล็กๆเกิดขึ้นภายนอกร่างกาย ทำให้อันตรายที่เกิดขึ้นกับริดสีดวงประเภทนี้น้อยกว่าการเกิดกับริดสีดวงภายใน
เนื่องจากเราสามารถตรวจสอบพบริดสีดวงภายนอกได้อย่างรวดเร็ว แตกต่างจากริดสีดวงภายในซึ่งจะสามารถตรวจสอบได้แน่ชัดด้วยตนเองก็เข้าสู่ระยะที่ 3 แล้ว และริดสีดวงภายนอกก็ไม่มีความซับซ้อนและอยู่ใกล้กับอวัยวะสำคัญที่จะทำให้เกิดภาวะเสี่ยงของโรค
ซึ่งอาการของโรคริดสีดวงภายนอกนั้นจะมีอาการเจ็บเวลามีการขับถ่ายและบริเวณทวารหนักจะมีติ่งเล็ก ๆ เกิดขึ้น โดยปกติแล้วริดสีดวงภายนอกสามารถหายและยุบเองได้ภายใน 2-3 สัปดาห์ แต่ถ้าหากริดสีดวงมีขาดใหญ่ขึ้นจะทำการนำหัวริดสีดวงออกมาโดยการฉีดยา แน่นอนว่าต้องทำ 2-3 ครั้งกว่าหัวริดสีดวงจะหลุด
และหากมีการอักเสบก็จำเป็นต้องได้รับการผ่าตัดเพื่อนำหัวริดสีดวงออก โดยวิธีนี้ผู้ป่วยต้องได้รับการฉีดยาชา เพื่อทำให้ผู้ป่วยไม่รู้สึกเจ็บขณะได้รับการผ่าตัด ในบางกรณีที่ริดสีดวงยุบลงไม่หมดจะเกิดเป็นติ่งเล็กๆขึ้น
ทำให้เราเห็นว่าทวารหนักของเรามีตุ่มเล็กๆเกิดขึ้น จึงเป็นลักษณะอาการที่บ่งบอกการเป็นริดสีดวงภายนอกได้ โดยทั่วไปแล้วการเป็นริดสีดวงภายนอกนี้จะไม่มีเลือดปนออกมากับอุจจาระ ซึ่งแตกต่างจากการเป็นริดสีดวงภายใน ซึ่งมักมีเลือดปนออกมาเสมอ