ยารักษาริดสีดวง ยาสมุนไพรรักษาริดสีดวง ยารักษาริดสีดวงที่ดีที่สุด
Skip to the contentริดสีดวงทวาร สามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ๆ ตามตำแหน่งที่พบริดสีดวง คือ ริดสีดวง ข้างใน และ ริดสีดวง ข้างนอก ซึ่งแต่ละประเภทจะลักษณะคล้ายคลึงกันทั้งสาเหตุที่เกิดโรค และ การรักษาโรค เพียงแต่ตำแหน่งที่พบจะอยู่ภายในและภายนอกร่างกาย
ริดสีดวง ข้างใน หรือ ริดสีดวงภายใน เป็นริดสีดวงที่เกิดจาก การที่เส้นเลือดดำบริเวณลำไส้ใหญ่ส่วนปลายที่ต่อกับทวารหนักโป่งพอง เนื่องจากการที่มีเลือดคั่งในเส้นเลือดเป็นเวลานาน ทำให้เส้นเลือดขยายตัวจนเกิดลิ่มเลือดขึ้น
อันมีสาเหตุจากหลายๆสาเหตุ เช่น การเกิดอาการท้องผูกเนื่องมาจากการกินผักและผลไม้ไม่เพียงพอทำให้มีกากใยอาหารในระบบย่อยอาหารน้อยเกินไป การดื่มน้ำไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายทำให้อุจจาระแข็ง
การกลั้นอุจจาระเป็นประจำทำให้อุจจาระมีลักษณะแข็งและถ่ายยาก การมีโรคในช่องท้อง เช่น เนื้องอกในช่องท้อง การไอเรื้อรัง ทำให้มีการเบ่งบริเวณช่องท้องอยู่เป็นประจำ เป็นอีกสาเหตุหนึ่งทำให้เกิดแรงดันในเส้นเลือด และเกิดการโป่งพองของเส้นเลือดดำ
การตั้งครรภ์หรือการมีร่างกายที่อ้วนกว่ามาตรฐาน ทำให้บริเวณช่องท้องขยาย เกิดการกดทับบริเวณอุ้งเชิงกรานทำให้เกิดเลือดคั่งบริเวณลำไส้ใหญ่ เหล่านี้ล้วนเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดการโป่งพองในเลือด และเกิดเป็น ริดสีดวง ข้างใน ร่างกาย หรือริดสีดวงภายใน ในที่สุด ซึ่งริดสีดวงภายในมีทั้งหมด 4 ระยะ ดังนี้
ระยะที่ 1 เป็นระยะที่ ริดสีดวงเริ่มมีตุ่มเล็ก ๆ เกิดขึ้น ซึ่งเนื้อเยื่อบริเวณลำไส้ใหญ่ส่วนปลาย มีความบอบบางจึงทำให้เมื่อมีการอุจจาระที่มีลักษณะแข็ง ทำให้อุจจาระไปเสียดสีกับตุ่มริดสีดวงที่มีเลือดคั่งอยู่ จนทำให้มีเลือดปนออกมากับอุจจาระ
ดังนั้นอาการสำคัญที่บ่งบอกว่าเป็นริดสีดวงในระยะนี้คือ มีเลือดออก โดยในระยะที่ 1 ผู้ป่วยจะยังไม่สามารถมองเห็ดริดสีดวงได้
ระยะที่ 2 ในระยะนี้ผู้ป่วยจะเริ่มสังเกตเห็นริดสีดวงได้ หรือรู้สึงถึงการเป็นริดสีดวงได้ ซึ่งเนื่องจากจะมีเลือดปนออกมากับริดสีดวงแล้ว หัวริดสีดวงยังจะสามารถโผล่พ้นรู้ทวารหนักออกมาข้างนอกได้ โดยเมื่อมีการเบ่งอุจจาระแต่ถ้าอุจจาระเสร็จแล้วไม่มีการเบ่งหัวริดสีดวงก็จะสามารถหดกลับเข้าไปภายในร่างกายได้เช่นเดิม
ระยะที่ 3 ในระยะนี้หัวริดสีดวงจะโผล่พ้นทวารหนักออกมา และไม่สามารถกลับเข้าไปด้านในร่างกายได้อีก ต้องใช้มีช่วยดันให้หัวริดสีดวงกลับเข้าไป และยังคงมีเลือดปนออกมากับริดสีดวงเช่นเดิม ในระยะนี้ในผู้ป่วยบางรายอาจจะรู้สึกปวดที่ทวารหนัก เริ่มมีอาการซีดเหลืองตามร่างกาย
ระยะที่ 4 หัวริดสีดวงออกมาอยู่ภายนอกร่างกายตลอดเวลา หัวริดสีดวงจะกวางการทำงานของหูรูดทำให้หูรูดทวารหนักปิดไม่สนิท ทำให้ในบางครั้งเราควบคุมการไหลของอุจจาระไม่ได้ และหากมีอาการอักเสบที่รุนแรงขึ้น
ผู้ป่วยจะมีน้ำหนองไหลปนออกมากับเลือดและอุจจาระด้วยหากอาการรุนแรงขึ้นในผู้ป่วยบางรายจะมีอาการหน้ามืดเฉียบพลัน ร่างกายซีดเหลือง เริ่มมีกลิ่นบริเวณทวารหนัก และรู้สึกเจ็บทวารหนักร่วมด้วย
โดยอาการของ ริดสีดวง ข้างใน จะทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ตามระยะของการป่วย ดังนั้นการรักษาจึงควรรักษาในระยะแรกของการป่วยจะดีที่สุด
ริดสีดวง ข้างนอก หรือ ริดสีดวง ภายนอก มีลักษณะการเกิดคล้ายกับริดสีดวงภายใน และสาเหตุการเกิดก็คล้ายกัน คือริดสีดวงภายนอกเกิดจากสาเหตุหลักๆคือ อาการท้องผูกเนื่องจากการรับประทานผักและผลไม้ที่มีกากใยอาหารน้อยเกินไป รวมถึงการดื่มน้ำน้อยกว่า 8 – 12 แก้วต่อวัน
ทำให้มีน้ำที่ไปเลี้ยงกากอาหารใมีน้อย ส่งผลให้กากอาหารแข็ง การกลั้นอุจจาระเป็นเวลานาน ทำให้ลำไส้ใหญ่ดูดน้ำและแร่ธาตุออกจากกากอาหารไปจนหมด อุจจาระจึงแข็งและขับถ่ายได้ยาก การมีภาวะอ้วนหรือการตั้งครรภ์ ทำให้มีการกดทับบริเวณอุ้งเชิงกรานเกิดการคั่งของเลือดบริเวณนั้น ส่งผลต่อการเป็นริดสีดวงทวาร
โดยสาเหตุที่กล่าวมาทั้งหมดนี้จะเป็นสาเหตุที่ทำให้เส้นเลือดดำรอบๆทวารหนักโป่งพอง เนื่องจากเกิดการคั่งของเลือดหรือมีลิ่มเลือดอยู่ จึงเกิดเป็นตุ่มเล็กๆรอบๆรอยย่นของทวารหนัก ซึ่งตุ่มนั้นมีลักษณะแข็ง การเป็น ริดสีดวง ข้างนอก
หรือ ริดสีดวงภายนอกนี้ผู้ป่วยสามารถสังเกตเห็นได้ด้วยตนเองและสามารถสังเกตเห็นได้ง่าย การรักษาจึงสามารถทำได้เร็ว เนื่องจากเมื่อเราอาบน้ำหรือทำความสะอาดร่างกายจะสามารถคลำพบริดสีดวงชนิดนี้ได้ด้วยตนเอง อาการส่วนใหญ่ของริดสีดวงภายนอกคือจะรู้สึกเจ็บบริเวณทวารหนัก
เนื่องจากอยู่ภายนอกจึงทำให้เสียดสีกับสิ่งต่างๆรอบตัวได้ง่าย แต่การพบเลือดออกบริเวณทวารหนักที่ปนออกมากับอุจจาระนั้นมีได้น้อย ดังนั้นหากผู้ป่วยนั่ง หรือระมัดระวังการนั่ง การนอนที่จะส่งผลกระทบต่อทวารหนักได้ดี ผู้ป่วยก็จะไม่รู้สึกเจ็บบริเวณทวารหนัก จึงสามารถทำให้ผู้ป่วยสบายใจได้มากกว่าการเป็นริดสีดวงภายใน
ผู้ป่วยที่เป็นโรค ริดสีดวง อาหารแสลง หรืออาหารที่ไม่ควรรับประทาน เพราะจะส่งผลต่อการรักษาริดสีดวง หรือทำให้อาการของริดสีดวงลุกลามได้ ซึ่งอาหารแสลงนั้น มีดังนี้
โดยผู้ป่วยที่เป็นโรค ริดสีดวง อาหารแสลง เหล่านี้จะส่งผลต่อการรักษาริดสีดวง ดังนั้นหากรับประทานอาหารจำพวกนี้ควรรับประทานในจำนวนที่น้อย หรือรอให้อาการป่วยหายดีแล้วค่อยรับประทาน ประกอบกับการดูแลรักษาสุขภาพของตนเองไม่ให้กลับมาเป็นโรคนี้อีกครั้ง
เมื่อป่วยเป็นโรค ริดสีดวง การรักษา มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะทำให้ตนเองนั้นหายป่วย และกลับมาแข็งแรงได้ปกติดังเดิม ไม่ใช่แค่โรคริดสีดวงเท่านั้น การรักษายังจำเป็นต่อการป่วยในหลายๆโรค แต่ทุกคนต่างก็ไม่ต้องการที่จะได้รับการรักษาที่มีความเสี่ยง
อาจจะพูดได้ก็อยากจะรักษาโรคนี้ด้วยวิธีที่ไม่เหมือนการรักษา แต่สามารถกระทำได้ในชีวิตประจำวัน การรักษาโรคได้ด้วยตนเองจึงเป็นวิธีที่ทำให้ผู้ป่วยไม่รู้สึกวิตกกังวลในอาการป่วยของตนเองมากนัก
คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง |
ริดสีดวง การรักษา |
ริดสีดวง ข้างนอก |
ริดสีดวง รักษา pantip |
ริดสีดวง อาหาร |
ริดสีดวง อาหารแสลง |
เพราะการที่รักษาด้วยตนเองไม่ต้องพบแพทย์ทำให้ผู้ป่วยคิดว่าโรคของตนเองไม่รุนแรง เช่นเดียวกับโรค ริดสีดวง การรักษา ด้วยตนเอง มีดังนี้
รับประทานผักและผลไม้ ให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย เพื่อเพิ่มกากใยอาหารในระบบขับถ่ายทำให้ลดอาการท้องผูก
วันละ 8 – 12 แก้ว เพื่อเพิ่มปริมาณน้ำในการล่อเลี้ยงกากอาหารให้นิ่ม ส่งผลให้การขับถ่ายสามารถทำได้ง่ายไม่ต้องออกแรงเบ่งอุจจาระ
การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อทำให้ระบบต่างๆในร่างกายนั้นแข็งแรง กระตุ้นการบีบตัวของลำไส้ใหญ่ทำให้รู้สึกปวดอุจจาระในช่วงเช้าของแต่ละวัน รวมทั้งทำให้มีแรงส่งการเคลื่อนที่ของอุจจาระออกมาภายนอกร่างกายได้ดี และยังสามารถช่วยลดโอกาสที่จะเป็นโรคอ้วนได้อีกด้วย
การงดรับประทานอาหารที่เป็นของแสลง ซึ่งจะส่งผลต่อการรักษาโรคริดสีดวงให้หาย
การทำความสะอาดบริเวณทวารหนักทุกครั้งหลังมีการอุจจาระ โดยการแช่ในน้ำอุ่นที่ผสมดินเกลือ หรือใช้วิธีการประคบเย็นประคบร้อนเพื่อลดการอักเสบของริดสีดวง
งดการกลั้นอุจจาระ ฝึกเข้าห้องน้ำให้เป็นกิจวัตรประจําวัน
รับประทานยาสมุนไพรที่มีส่วนผสมของสมุนไพรต่างๆ ที่ช่วยในการรักษาริดสีดวงให้หายขาด ไม่ต้องพึ่งการผ่าตัด สามารถบอกลาการผ่าตัด และรักษาริดสีดวงได้ทุกระยะ ไม่ทิ้งสารพิษตกค้างในร่างกายของผู้ป่วย
เห็นได้ว่าการป่วยโรคริดสีดวง ภายใน และภายนอก มีสาเหตุและอาการของโรคที่คล้ายกัน การรักษาสามารถทำได้โดยการรักษาด้วยตนเอง ไม่จำเป็นต้องรอการรักษาจากแพทย์ เนื่องจากโรคนี้ส่วนใหญ่เกิดจากการรับประทานอาหาร
และพฤติกรรมการขับถ่าย เพียงผู้ป่วยปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหารและพฤติกรรมการขับถ่าย ก็จะสามารถลดการเป็นริดสีดวงทวารได้ ซึ่งหากอาการไม่รุนแรง
ยังไม่พบการอักเสบการรับประทานยาสมุนไพรยิ่งจะช่วยให้การรักษาริดสีดวงนั้นผ่านพ้นไปได้อย่างรวดเร็ว และสามารถกลับมาใช้ชีวิตอย่างปกติได้